การสื่อสารผ่านโซเซียลมีเดียได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบัน เกิดเป็นช่องทางการสื่อสารมากมายหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็ล้วนมีวิธีในการสื่อสารแตกต่างกันไป ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน หากมีความสนใจจะใช้โซเซียลมีเดียในการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้ลูกค้าสนใจในสินค้าและบริการ ก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับช่องทางโซเซียลมีเดียเหล่านั้นให้ดีเสียก่อน เพื่อให้เกิดการเลือกช่องทางที่เหมาะสมโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. LINE เป็นช่องทางโซเซียลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะรวดเร็วในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีฟีเจอร์ในการสื่อสารที่หลากหลายทั้งการทำสติ๊กเกอร์โปรโมชั่น การแชร์รายละเอียดสินค้าผ่านทางโพสต์หรือการเปิดห้องแชทเพื่อพูดคุยและโน้มน้าวใจให้ลูกค้าสนใจสินค้าและบริการได้ดี
2. Facebook เป็นช่องทางโซเซียลที่เปิดกว้าง การเผยแพร่โปรโมทสินค้าในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการกระจายไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งใช้ช่องทางกระตุ้นให้เกิดการแชร์หรือบอกต่อก็จะยิ่งเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
3. Twitter ช่องทางโซเซียลที่ไม่เคยตกกระแสสังคม ช่วยในการสื่อสารแบบใช้รูปภาพที่มักสั้นและกระชับ ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานได้ดี ยิ่งหากมีการแชร์หรือ Retweet ยังสามารถนับเป็นสถิติได้อีกด้วย

การโปรโมทสินค้าผ่านโซเซียลมีเดียนั้นเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ธุรกิจสามารถโปรโมทสินค้า ธุรกิจและบริการของตนเองได้ตลอดเวลา สร้างโอกาสในการโน้มน้าวใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด แต่ก็จำเป็นต้องมีการทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเกิดภาพจำให้กับลูกค้าได้สำเร็จ

ภาวะการแข่งขันในตลาดปัจจุบันนั้นมีความรุนแรงค่อนข้างสูงมาก ยิ่งในกรณีของธุรกิจใหม่หรือธุรกิจที่มีขนาดเล็กก็ยิ่งจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพื่อสร้างฐานรากที่มั่นคง โน้มน้าวใจให้ลูกค้าเชื่อมั่นและติดใจในสินค้าหรือบริการเพื่อสร้างโอกาสการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยการโปรโมทสื่อสารอย่างต่อเนื่องและชัดเจน แต่การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแบบเดิมอย่างโทรทัศน์ วิทยุ หรือนิตยสารก็มักมีราคาสูง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ยังมีฐานะไม่มั่นคงไม่สามารถโปรโมทแบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อสื่อสังคมออนไลน์ได้รับการพัฒนาให้เข้าถึงได้ง่ายและมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทำให้สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเพราะมีข้อดีที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. ค่าใช้จ่ายไม่แพง การโปรโมทสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์บางแห่ง แทบไม่มีค่าใช้จ่าย หรือหากมีก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามาก สร้างโอกาสให้สามารถโน้มน้าวใจลูกค้าโดยไม่ก่อภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป
2. เข้าถึงได้ง่าย สังคมออนไลน์เป็นสังคมที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และติดตามซ้ำได้ตลอดเวลา อีกทั้งกลุ่มลูกค้าเดียวกันยังนิยมแชร์รายละเอียดโปรโมทให้เพื่อน ๆ ได้รู้อีกด้วย
3. สร้างความน่าสนใจได้ดี การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์นั้นมีหลายรูปแบบทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพแบบ Info graphic ซึ่งล้วนเปิดโอกาสให้โน้มน้าวใจกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น

ด้วยข้อดีที่น่าสนใจเหล่านี้จึงทำให้การโปรโมทสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์มีความจำเป็นต่อธุรกิจขนาดเล็กเป็นอย่างมาก  ควรทำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างภาพจำให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สังคมในปัจจุบันล้วนต้องอาศัยการสื่อสารที่รวดเร็ว ยิ่งในลักษณะของการดำเนินธุรกิจแล้ว การตอบโต้กับลูกค้าทันทีที่พวกเขามีปัญหาหรือข้อสงสัยได้อย่างทันท่วงทีนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก รวมถึงการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้ลูกค้าหรือประชาชนทั่วไปเกิดความสนใจในสินค้าและบริการ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างมาก โดยสามารถเพิ่มช่องทางออนไลน์อย่าง Application LINE ในการสื่อสารให้กับลูกค้าได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยข้อดีของการสื่อสารทาง LINE นั้นมีดังนี้

1. ความรวดเร็วในการโต้ตอบ LINE เป็นช่องทางติดต่อที่ทำให้ผู้ขายพร้อมรับออเดอร์จากผู้ซื้อได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะยังไม่พร้อมอ่านข้อความ ข้อความนั้นก็จะยังคงอยู่ได้อีกนาน เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา ผู้ขายสามารถรอเวลาที่พร้อมจึงอ่านข้อความได้
2. ใช้กระจายข่าวสารได้ การกระจายข่าวผ่านทาง LINE สามารถทำได้หลากหลายช่องทาง ทั้งการสื่อสารผ่านห้องแชทหรือหน้าไทม์ไลน์ของธุรกิจ เป็นการกระจายข่าวไปยังกลุ่มลูกค้าที่เจาะจง รวดเร็วและมีความชัดเจน สร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี หรืออาจโน้มน้าวใจให้ผู้รับข่าวสารกระจายข่างต่อ ๆ ไปได้อีกด้วย
3. ฟีเจอร์ที่เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ นอกจากการสื่อสารผ่าน LINE ตามปกติแล้ว ทาง LINE ยังมีการพัฒนาฟีเจอร์สำหรับการดำเนินธุรกิจได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้แอคเคาน์เป็นสาธารณะสามารถเผยแพร่ให้ผู้สนใจรับทราบได้กว้างมากขึ้น

อย่างไรก็ตามหากต้องการให้การติดต่อผ่าน LINE สามารถโน้มน้าวใจให้กับลูกค้าได้ก็ต้องอาศัยข้อความที่น่าสนใจ เรื่องราวของสินค้าและบริการที่ถูกใจ และต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ช่องทางออนไลน์คือช่องทางการสื่อสารที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะใช้ในการติดต่อสื่อสารอย่างรวดเร็ว เชื่อมโยงผู้คนตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกได้ตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันก็นับเป็นช่องทางสร้างธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อยอีกด้วย หากมีการจัดการที่ดี ช่องทางออนไลน์ก็นับเป็นวิธีที่นักธุรกิจสามารถใช้โน้มน้าวใจลูกค้าและผู้สนใจได้ดี แต่ต้องอาศัยเคล็ดลับ ดังต่อไปนี้

1. สร้างความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง สื่อสังคมออนไลน์คือสื่อที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นตลอดเวลา มีผู้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นหากธุรกิจต้องการสร้างความรู้สึกโน้มน้าวใจให้ลูกค้าอยากเลือกใช้บริการและสินค้าก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง หรือมีการสร้าง Content เพื่อพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับลูกค้าตลอดเวลา
2. สร้างเรื่องราวของสินค้าและบริการ ในปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสำคัญกับรายละเอียดของสินค้าและบริการต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้นการชี้แจงรายละเอียดที่มาที่ไปของสินค้าและบริการจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถอาศัยช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้มีความน่าสนใจและชัดเจน ซึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจย่อมทำให้เกิดความอยากรู้และเข้ามาค้นหาเรื่องราวได้ดี
3. กระตุ้นให้มีการกระจายข่าวหรือสร้างเครือข่าย เพราะสื่อสังคมออนไลน์คือสื่อที่เพื่อนฝูงใช้แลกเปลี่ยนพูดคุยและแจ้งข่าวสารที่น่าสนใจให้แก่กัน ซึ่งนักธุรกิจสามารถสร้างแรงโน้มน้าวใจให้เกิดการขยายข่าวได้ด้วยโปรโมชั่นของรางวัลที่น่าสนใจ เป็นวิธีที่เห็นผลได้เร็วและเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะได้ดี ยิ่งอาศัยการติดแฮชแท็กคำที่เกี่ยวข้องของสินค้าก็ยิ่งเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าในลักษณะที่เป็นวงกว้างได้ดี

ปัจจุบันการค้นหาในช่องทางออนไลน์นอกจากจะเสียเงินลงโฆษณาผ่านทาง Search Engine แล้ว ยังสามารถอาศัยการเรียกร้องให้ผู้คนสนใจและเข้ามาค้นหากันมากขึ้นได้

ในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช่องทางที่ผู้คนใช้ในการพบปะพูดคุยกันได้อย่างสะดวก  ทำให้กลายเป็นช่องทางในการโปรโมทธุรกิจได้ดี เป็นช่องทางที่ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง แต่การโปรโมทธุรกิจที่ดีนั้นต้องอาศัยหลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้

1. การโน้มน้าวใจให้ลูกค้าเชื่อถือผลิตภัณฑ์ หากธุรกิจที่ต้องการโปรโมทผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่ลูกค้ายังไม่รู้จักหรือคุ้นเคย ก็จำเป็นต้องอาศัย Content ที่น่าสนใจ หรือวิธีการนำเสนอที่เข้าใจง่ายเพื่อให้ลูกค้ารู้จักและเชื่อใจในสินค้าและบริการ
2. สร้างจุดแข็งที่แตกต่าง การแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีความหลากหลายมากกว่าในอดีต แม้เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการเดียวกันก็อาจมีจุดขายที่ต่างกันได้ ดังนั้นจึงควรหาจุดแข็งที่น่าสนใจเพื่อโน้มน้าวใจให้ลูกค้าอยากลองใช้สินค้าและบริการได้
3. โน้มน้าวใจอย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากการสร้างความน่าสนใจในการเปิดตัวธุรกิจใหม่แล้ว ยังจำเป็นต้องสร้างจุดสนใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำใหม่อีกอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการจัดโปรโมชั่นหรือสร้างบทความที่น่าสนใจให้ลูกค้าอ่านและเข้าใจในสินค้า
4. หาพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยคู่ค้าที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการขยายตลาด , หาฐานลูกค้าและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เข้มแข็ง ยิ่งในกรณีธุรกิจใหม่ การมีที่ปรึกษาทางธุรกิจที่มากประสบการณ์ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ดีได้มากขึ้น
5. เปิดช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าให้มากขึ้น การโปรโมทผ่านสื่อสังคมออนไลน์นอกจากจะทำให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้ดีแล้ว ยังควรใช้ช่องทางดังกล่าวตอบข้อสงสัยของลูกค้าด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ

สำหรับเว็บไซต์ที่มีบริการขายสินค้าหรือทำธุรกิจออนไลน์ การเปิดเพจหรือเว็บไซต์โดยทั่ว ๆ ไปอาจจะทำให้เจ้าของเว็บประสบความสำเร็จได้ยาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่รู้จักจะเป็นกลุ่มลูกค้าในวงเล็ก ๆ ที่บางครั้งก็มีทั้งใช้บริการและไม่ใช้บริการ ซึ่งอาจจะทำให้เจ้าของธุรกิจอย่างคุณทำยอดขายได้ไม่ตรงใจนัก  การเลือกใช้บริการโปรโมทสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโฆษณาผ่านเว็บไซต์ , การโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นอีกหนึ่งช่องทางง่าย ๆ ที่จะประกาศให้กลุ่มลูกค้ารู้ว่าบริษัทของคุณมีธุรกิจอะไร ให้บริการเกี่ยวกับอะไรบ้าง เป็นหนึ่งช่องทางที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โน้มน้าวใจลูกค้าและเปิดโอกาสให้มีลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆเพิ่มขึ้น

ข้อดีของการเลือกโปรโมทเว็บไซต์หรือแฟนเพจเพื่อโน้มน้าวใจลูกค้า กระตุ้นยอดผู้เข้าชมในสมัยนี้ถือว่าเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง เลือกได้ว่าต้องการโปรโมทในระยะเวลากี่วัน ได้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการมากขึ้น เช่น หากคุณขายโปรแกรมลดน้ำหนัก เมื่อคุณทำการโปรโมทโปรแกรมลดน้ำหนัก โอกาสที่จะได้ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการลดน้ำหนักก็มากขึ้น เช่น เดิมเคยมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้หญิง เมื่อทำเว็บไซต์ นำรูปภาพของผู้ใช้จริงที่เป็นผู้ชายที่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมากและได้ทดลองใช้สินค้าแล้วได้ผลจริง มีภาพเปรียบเทียบ Before After ก็สามารถเรียกลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ นอกจากนี้เว็บไซต์ที่มีการโปรโมทเป็นประจำจะเป็นเว็บไซต์ในลำดับต้นของการ Search Engine ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีมาก เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของการทำธุรกิจ

สำหรับรูปแบบการโปรโมทที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ จะเป็นการซื้อเวลาโฆษณาจากหน้าเพจเฟซบุ๊ก เช่น จ่ายเงินเพื่อโปรโมทให้เพจของเราโชว์ให้คนอื่น ๆ ได้รู้จัก จะมีระยะเวลาตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ไปจนถึงหนึ่งเดือน โดยรูปแบบการโฆษณา อาจจะเป็นการนำเสนอสินค้า รูปภาพหรือเป็นวิดีโอก็ได้ นอกจากนี้เราอาจจะคุ้นเคยกันดีกับการโปรโมทผ่าน Google เมื่อเสิร์ชขึ้นมาในหน้า Google ก็จะแสดงเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้คนเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณมากขึ้นและนั่นทำให้คุณมีโอกาสได้ลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้น

หากเปิดหน้าจอเฟซบุ๊ก คุณจะได้เห็นโฆษณาสินค้าต่าง ๆ มากมายที่แฝงมากับหน้าแรก โฆษณาเหล่านั้นที่แสดงในหน้าฟีดข่าว เรียกว่าการโพสโปรโมทคือเจ้าของเพจได้ซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊กเพื่อให้โฆษณาเพจของตัวเอง หน้าเพจของเราก็จะแสดงบนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากคุณขายอุปกรณ์กีฬา มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าที่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 20-60 ปี ในประเทศไทย เมื่อกดโปรโมทไปแล้วหน้าเพจที่ซื้อโฆษณาไปก็จะแสดงให้เห็นในฟีดของกลุ่มเป้าหมาย หากโพสไหนที่ขึ้นมามีความน่าสนใจสามารถโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมายได้ เขาก็จะเข้ามาดู กดไลค์ กดแชร์  หากตัวสินค้าเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ก็จะมีการสั่งซื้อสินค้าและบริการต่อไป

วิธีการทำโพสโปรโมทผ่านเฟสบุ๊กทำได้ง่ายมากในสมัยนี้ เพียงเจ้าของร้านค้าออนไลน์จะต้องทำหน้าเพจที่ต้องการโฆษณาให้ดูมีความน่าสนใจ เช่น ภาพถ่ายพร้อมคำโฆษณาที่ดึงดูดลูกค้าหรือสร้างวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจเรียกลูกค้าเข้ามาดู จากนั้นก็เข้าไปซื้อโฆษณาในเฟสบุ๊ก พร้อมระบุระยะเวลาของการโปรโมทว่าต้องการโปรโมทระยะเวลานานเท่าไหร่ เช่น 1 สัปดาห์ , 1 เดือน หรือ 3 เดือน เป็นต้น โดยการทำโฆษณานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้อความและภาพที่ดึงดูดใจให้กลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการ เช่น การลดราคา , โปรโมชั่นซื้อ 2 ฟรี 1 , การบริการหลังการขาย , ข้อความเชิญชวนดูรายละเอียดสินค้า หรืออาจจะเป็นคลิปสั้น ๆ ที่เมื่อใครเห็นแล้วจะไม่เลื่อนผ่านไปเปล่าๆ

การโปรโมทโพสนั้นจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นจะต้องทำตลอดไป เพียงแค่ช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจหรือในสินค้าตัวใหม่ที่จำหน่าย คุณอาจจะต้องมีการโปรโมทบ่อย ๆ เพื่อให้หน้าเพจของคุณเป็นที่รู้จัก  ยิ่งภาพที่โชว์สามารถโน้มน้าวใจผู้ชมได้จะยิ่งดี เป็นหนึ่งวิธีการง่าย ๆ ของการสร้างยอดไลค์ , ยอดแชร์  เมื่อมีผู้ติดตามเพจเป็นจำนวนมาก  สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของธุรกิจที่จะเพิ่มโอกาสการทำเงินได้มากขึ้น สร้างยอดขายได้มากกว่าการขายแบบเดิมๆ

ในยุคที่การทำธุรกิจออนไลน์เป็นธุรกิจอันดับต้น ๆ และมีการใช้บริการมากกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ งานบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้บริโภคมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากเดิม ในส่วนของทางผู้ประกอบการเองก็มีโอกาสขยายธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง  ความก้าวหน้าทางธุรกิจนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของสื่อโฆษณา ที่ทุกวันนี้มีหลายช่องทาง แต่รูปแบบหนึ่งที่คุ้มค่าใช้งานได้นาน สามารถโน้มน้าวใจกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาเลือกใช้บริการได้ดีคือ การเลือกใช้บทความเพื่อโปรโมทสินค้า

หลายคนอาจจะสงสัยว่าบทความที่โพสลงไปในเพจหรือหน้าเว็บไซต์จะสามารถช่วยโปรโมทธุรกิจให้คุณได้อย่างไร? .. ให้คุณลองสังเกตในหน้า Google เมื่อคุณต้องการค้นหาสินค้าหรือบริการบางอย่าง การเสิร์ชคำค้นหาเข้าไปก็จะเจอหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เช่น หากต้องการหาเว็บไซต์ขายอาหารสุขภาพ คุณอาจจะใช้คำว่า “อาหารคลีน” ในหน้า Google ก็จะปรากฏเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารคลีนทั้งหมด มาให้คุณได้เลือก ในนั้นก็จะมีบทความที่เกี่ยวข้องกับอาหารคลีนเพื่อสุขภาพและมีบริการรับสั่งทำอาหารมากมายให้ลูกค้าได้เลือก นี่เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้เทคนิคการโฆษณาเรียกว่า Search Engine

บทความที่เลือกโพสลงในเว็บไซต์ โดยมากแล้วจะเน้นมีคีย์เวิร์ดของคำ เช่น หากเว็บไซต์ของคุณขายอาหารสุขภาพ ก็อาจจะใช้คำที่เกี่ยวข้อง เช่น “อาหารคลีน” “อาหารสุขภาพ” คำเหล่านี้จะง่ายต่อการค้นหาและโยงเข้าสู่หน้าเพจ ซึ่งบทความที่ถูกเขียนขึ้นในเพจจะไม่มีวันหมดอายุ ยิ่งเป็นบทความที่น่าสนใจก็จะมีการแชร์ต่อในโลกออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการโปรโมทที่สามารถโน้มน้าวใจลูกค้าและทำได้อย่างต่อเนื่อง สร้างยอดขายได้ดีในอนาคต

มีสินค้าดี มีภาพสวย แต่ทำไม่สินค้าของเรายังขายไม่ดี? ข้อนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์ประสบปัญหา แม้ว่าบางคนจะลงทุนจ่ายค่าโปรโมทผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊กไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถสร้างยอดขายที่น่าพอใจได้ ซึ่งอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นคือ คุณอาจจะขาดความเป็นมืออาชีพในการโพสขายสินค้า ลูกเล่นที่ใช้อาจจะน้อยเกินไปจนไม่สามารถโน้มน้าวใจลูกค้าได้ ทำให้ยอดขายไม่ปังอย่างที่ต้องการ สิ่งที่คุณขาดเหล่านี้ต่างเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างยอดขาย มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยอดของคุณยังไม่ถึงเป้าสักที

อีกสิ่งที่สำคัญมากของการโฆษณา คือเรื่องของวาทะศิลป์ในการขายสินค้า เพราะหากเจ้าของเพจรู้จักที่จะใช้คำพูดในการโน้มน้าวใจลูกค้า ก็จะเปิดโอกาสให้สินค้านั้นถูกซื้อง่ายขึ้น โดยตัวอย่างคำที่เจ้าของเพจนิยมใช้ เช่น “ฟรี” , “ลดราคา” , “ทดลองใช้” , “ลุ้นรับรางวัล” , “แถม” เป็นต้น ข้อความที่มีคำเหล่านี้ปรากฏอยู่หน้าเพจไหน ก็จะเป็นที่สะดุดตาและดึงดูดใจให้ลูกค้าเข้ามาดูและเลือกชมสินค้า เพราะโดยธรรมชาติของคนเราจะชอบของถูก ของลดราคา ของฟรี  นี่ถือว่าเป็นคำพูดง่ายๆ ที่ควรนำมาใช้ เพราะมันช่วยดึงดูดใจลูกค้าได้มากทีเดียว

นอกจากการใช้คำเหล่านั้นในการโพสข้อความเพื่อขายสินค้าแล้ว เจ้าของเพจจะต้องใช้เทคนิคของการเขียนที่อาจจะไม่ต้องเป็นวิชาการเกินไป ไม่ต้องใช้ข้อความสวยหรูมาก แต่เป็นคำง่าย ๆ เขียนให้ผู้ที่เลื่อนมาเจอภาพในเพจเห็นแล้วอยากที่จะเข้ามาอ่าน มาเลือกดูสินค้า เช่น หากคุณขายครีมบำรุงผิวอาจจะมีคำสวย ๆ ที่โพสเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น สวยได้โดยไม่พึ่งศัลยกรรม, เคล็ดลับสวยนางพญาแบบคลีโอพัตรา เป็นต้น ซึ่งต้องใช้เทคนิคประดิษฐ์คำเหล่านี้เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้า

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเพราะอะไรเพจเฟซบุ๊กของตัวเองถึงยังไม่มีคนกดไลค์ กดแชร์ และมียอดขายที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่โฆษณาอยู่ทุกวัน รูปสวย แต่ก็ยังมียอดขายไม่ทะลุเป้า ซึ่งสาเหตุหลักของปัญหาคือการโปรโมทที่อาจจะยังไม่ตรงจุดกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นเทคนิคโปรโมทเพจง่าย ๆ นี้อาจจะช่วยคุณสร้างยอดขายที่ดีขึ้นได้ในเร็ววัน

1. ภาพต้องสะดุดตา ภาพถ่ายกับการขายสินค้าออนไลน์ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากภาพมีองค์ประกอบที่ดี สวย และดูไม่เกินจริงก็จะสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่โน้มน้าวใจให้กับลูกค้า เช่น หากคุณขายลิปสติก การถ่ายภาพลิปสติก 1 แท่งแล้วโพสลงไป เมื่อเทียบกับการถ่ายภาพผู้หญิงที่มีเรียวปากสีสดสวยถือลิปสติก อันไหนจะน่าซื้อกว่ากัน
2. ข้อความกระชับได้ใจความ บางเพจมีข้อความยาวเต็มไปหมด ซึ่งอาจจะทำให้ดูรกและไม่น่าสนใจ การเขียนข้อความนั้นจะต้องสั้น กระชับและเข้าใจง่าย บ่งบอกว่าคุณต้องการสื่ออะไร เพื่อไม่ให้ลูกค้าเลื่อนผ่านภาพนั้นไปโดยที่ยังไม่ได้เข้ามาอ่าน
3. มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน สินค้าแต่ละอย่างจะมีลูกค้าต่างกลุ่มกันออกไป ดังนั้นการเลือกโฆษณาให้ถูกกลุ่มเป้าหมายจะช่วยคุณให้มีโอกาสขายสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยการเน้นหาลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการขายให้เจอ แล้วทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ

นอกจาก 3 ข้อที่กล่าวมาแล้ว การขายของหรือโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊กจะต้องดูน่าเชื่อถือด้วย อาจจะเป็นภาพ ข้อมูลที่นำมาโพส การตอบข้อความ ระยะเวลาของการส่งสินค้า รวมไปถึงการรีวิวสินค้าที่จะทำให้รู้ว่าสินค้าที่ขายนั้นเป็นสินค้าที่มีผู้ใช้แล้วประทับใจ นอกจากนี้ลูกเล่นต่างๆที่ทางเพจทำก็ชวนให้ลูกค้าเปิดเข้ามาดูด้วย เช่น การโพสสาระน่ารู้ การโพสคลิปหรือการโพสภาพถ่ายที่อาจจะไม่เกี่ยวกับสินค้าบ้าง เป็นเทคนิคการโน้มน้าวใจเรียกลูกค้าให้เข้ามาดูและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น